วันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2553

เทคนิคเรียนเก่ง7ข้อ

เทคนิคเรียนเก่ง7ข้อ
ข้อที่ 1 : พกปากกาสี 12 สี ติดตัว
ทฤษฎีสี กล่าวไว้ ว่า สีจะสามารถเพิ่มการจดจำเนื้อหาต่าง ๆ ได้มากกว่า สีน้ำเงินที่เขียนตามปกติ
ข้อที 2 : ใช้สมุด note ที่ไม่มีเส้น

การใช้สมุดnote ที่มีลายเส้นนั้นเหมือนเราอยู่แต่ในกรอบเส้นนั้น แต่ถ้าใช้สมุดnote ที่ไม่มีเส้นนั้นจะทำให้เราไม่มีกรอบในการเขียน เราอยากเขียนอะไรก็อยากเขียนได้ทั้งนั้น
ข้อที่ 3 : บันทึกงานออกมาในรูป Mind Map Or Pic. เวลาจดเนื้อหาบางอย่างอาจจะจดในรูปแบบ Pic. จะสามารถจดจำได้มากกว่าการบันทึกงานในรูปแบบของ mind Map จะเป็นการแบ่งเรื่องหัวข้อใหญ่ต่าง ๆ เพื่อใช้ในการอ่าน อาจใช้ mind map เป็นรูปก็ได้
ข้อที่ 4 : Mp3 เราควรจะมี mp3 เพื่อใช้ในการบันทักเสียงเวลาที่คุณครูสอน
5 : เอาใจครู เอาใจครูในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเอาอกเอาใจครู หมายถึง ทำตัวตามสไตร์ที่คุณครูชอบ เพื่อเพิ่มความชอบของคุณครูในตนเองเวลาเราชอบครูคนไหนก็อยากเรียนกับครูคนนั้น อยากส่งงาน ครู อยากเจอหน้าครู ก็จะทำให้เรียนเก่งยิ่งขึ้นเพราะ เราอยากเรียนวิชานั้น ๆ
ข้อที่ 6 : พูดคุยกับปากกาก่อนสอบ หรือก่อนเขียนงานเราควรพูดคุยกับปากกาบ้าง
ข้อที่ 7 : นั่งหน้าห้อง นั่งหน้าห้องจะสามารถทำให้เราได้ยินมากกว่าคนที่นั่งข้างหลังเรา เห็นชัดกว่าคนข้างหลังเราและสามารถถามครูได้มากกว่า ซึ่งมันเป็นที่แน่นอนอยู่แล้ว

วิธีการดูแลผิวหน้าเบื้อนต้น

ผู้ชายส่วนใหญ่คิดว่าการดูแลผิวหน้าเป็นเรื่องของผู้หญิง ซึ่งถ้าให้ความสนใจมากไปจะทำให้ดูสำอางเกินเหตุ จึงละเลยการดูแลใบหน้าอย่างจริงจังและเสียโอกาสหล่อไปมากทีเดียว
แต่เดี๋ยวนี้ผู้ชายจำนวนมากเริ่มลุกขึ้นมาดูแลตัวเองด้วยกันมากขึ้น และมีการผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชายโดยเฉพาะออกมา ก็ทำให้ผู้ชายดูแลตัวเองได้อย่างไม่ขัดเขินเหมือนเมื่อก่อน สัดส่วนของผู้ชายที่ดูดีมีเสน่ห์และหล่อดึงดูดใจก็เลยเพิ่มมากขึ้นทุกวันจะว่าไปแล้วการดูแลผิวหน้าของผู้ชายนั้นไม่ใช่เรื่องยุ่งยากจนเกินไปนัก และถึงแม้จะต้องเสียเวลาขึ้นอีกนิด แต่ก็คุ้มค่า เพราะจะได้ใบหน้าที่หล่อเหลาขึ้นอีกหลายเท่า แถมหล่อได้นานกว่าอายุจริงไปอีกหลายปีแบบไม่ต้องพึ่งพาผลิตภัณฑ์รังนกใดๆเอาเป็นว่าเรามารู้จักกับขั้นตอนการดูแลผิวหน้าอย่างถูกต้อง ที่อยากแนะนำให้หนุ่มๆ ทั้งหลายนำไปบรรจุเป็นหนึ่งในกิจวัตรประจำวันกันดีกว่าChecklist : ขั้นตอนการดูแลผิวหน้าประจำวันStep 1 : ล้างหน้าให้สะอาดและถูกวิธีStep 2 : เช็ดหน้าด้วยโทนเนอร์เพื่อการทำความสะอาดที่ล้ำลึกยิ่งขึ้นStep 3 : บำรุงรอบดวงตาเป็นพิเศษStep 4 : บำรุงหน้ารักษาหล่อด้วยมอยส์เจอไรเซอร์Step 5 : ถ้าเป็นตอนกลางวันก็เพิ่มส่วนผสมที่มีสารกันแดดด้วยStep 6 : บำรุงผิวที่ริมฝีปาก

ทำไมต้อง O.K. ชื่อนี้มีที่มา

คนส่วนใหญ่ น้อยคนนักที่ไม่รู้จักคำว่า O.K. เรามักจะได้ยินคนพูดกันติดปาก ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ ไม่ว่าวัยใดก็ตามแต่ท่านทราบหรือไม่ว่า.. คำคำนี้มีที่มาอย่างไร ?
จริง ๆ แล้วที่มาของคำนี้เป็นที่ถกเถียงกันมายาวนาน และยังไม่มีข้อสรุปอย่างแน่ชัด แต่หนึ่งในเรื่องราวที่นิยมกันคือเรื่องนี้
คำว่า O.K. มาจากคำเต็มว่า Oll Korrect ซึ่งที่ถูกต้องคือ All Correct ( แปลว่า ถูกต้อง ) มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจจาก พ่อค้าชาวอเมริกันคนหนึ่ง มีฐานะ ตำแหน่งหน้าที่การงานสูง แต่การศึกษาน้อย ทุกครั้งที่เขาสั่งงานลงในใบสั่ง ถ้างานชิ้นใดถูกต้อง ตกลง และอนุมัติเขาจะ เขียนคำว่า Oll Korrect ลงในใบสั่งใบนั้นเสมอๆ ต่อมากิจการของพ่อค้าคนนี้ มีความเจริญก้าวหน้ามากงานที่ติดต่อมาก็มีมากขึ้น ใบสั่งงานก็มีมากมายล้นโต๊ะการที่เขาจะต้องเขียนคำ Oll Korrect ลงในใบสั่งทุกใบทำให้ต้องใช้เวลามาก เขาจึงย่อเหลือเพียงสั้นๆ คำ O.K. ซึ่งมีผล และความหมายเหมือนกัน คำว่า "อนุมัติ" นั่นเอง
และก็เลยมีการใช้กัน อย่างแพร่หลาย ทั้งภาษาพูด และภาษาเขียน มากันจนปัจจุบันทั่วโลก

การขอโทษและการให้อภัย

การรู้จักขอโทษนั้นเป็นมารยาทอันดีงามสำหรับตัวผู้ทำเอง และเป็นการช่วยระงับหรือช่วยแก้โทสะของผู้ถูกกระทบกระทั่งให้เรียบร้อยด้วยดีในทางหนึ่ง หรือจะกล่าวว่าการขอโทษคือการพยายามป้องกันมิให้มีการผูกเวรกันก็ไม่ผิด เพราะเมื่อผู้หนึ่งทำผิด อีกผู้หนึ่งเกิดโทสะเพราะถือความผิดนั้นเป็นความล่วงเกินกระทบกระทั่งถึงตน แม้ไม่อาจแก้โทสะนั้นได้ ความผูกโกรธหรือความผูกเวรก็ย่อมมีขึ้น ถ้าแก้โทสะนั้นได้ก็เท่ากับแก้ความผูกโกรธหรือผูกเวรได้ เป็นการสร้างอภัยทานขึ้นแทน อภัยทานก็คือการยกโทษให้ คือการไม่ถือความผิดหรือการล่วงเกินกระทบกระทั่งว่าเป็นโทษ อันอภัยทานนี้เป็นคุณแก่ผู้ให้ ยิ่งกว่าแก่ผู้รับ เช่นเดียวกับทานทั้งหลายเหมือนกัน คืออภัยทานหรือการให้อภัยนี้ เมื่อเกิดขึ้นในใจผู้ใด จะยังจิตใจของผู้นั้นให้ผ่องใสพ้นจากการกลุ้มรุมบดบังของโทสะโกรธแล้วหายโกรธเอง กับโกรธแล้วหายโกรธเพราะให้อภัย ไม่เหมือนกัน โกรธแล้วหายโกรธเองเป็นเรื่องธรรมดา ทุกสิ่งเมื่อเกิดแล้วต้องดับ ไม่เป็นการบริหารจิตแต่อย่างใด แต่โกรธแล้วหายโกรธเพราะคิดให้อภัย เป็นการบริหารจิตโดยตรง จะเป็นการยกระดับของจิตให้สูงขึ้น ดีขึ้น มีค่าขึ้น ผู้ดูแลเห็นความสำคัญของจิต จึงควรมีสติทำความเพียรอบรมจิตให้คุ้นเคยต่อการให้อภัยไว้เสมอ เมื่อเกิดโทสะขึ้นในผู้ใดเพราะการปฏิบัติล้วงล้ำก้ำเกินเพียงใดก็ตาม พยายามมีสติพิจารณาหาทางให้อภัยทานเกิดขึ้นในใจให้ได้ ก่อนที่ความโกรธจะดับไปเสียเองก่อน ทำได้เช่นนี้จะเป็นคุณแก่ตนเองมากมายนัก ไม่เพียงแต่จะทำให้มีโทสะลดน้อยลงเท่านั้น และเมื่อปล่อยให้ความโกรธดับไปเอง ก็มักหาดับไปหมดสิ้นไม่ เถ้าถ่านคือความผูกโกรธมักจะยังเหลืออยู่ และอาจกระพือความโกรธขึ้นอีกในจิตใจได้ในโอกาสต่อไป ผู้อบรมจิตให้คุ้นเคยอยู่เสมอกับการให้อภัย แม้จะไม่ได้รับการขอขมา ก็ย่อมอภัยให้ได้ ในทางตรงกันข้าม ผู้ไม่เคยอบรมจิตใจให้คุ้นเคยกับการให้อภัยเลย โกรธแล้วก็ให้หายเอง แม้ได้รับการขอขมาโทษ ก็อาจจะไม่อภัยให้ได้ เป็นเรื่องของการไม่ฝึกใจให้เคยชิน อันใจนั้นฝึกได้ ไม่ใช่ฝึกไม่ได้ ฝึกอย่างไดก็จะเป็นอย่างนั้น ฝึกให้ดีก็จะดี ฝึกให้ร้ายก็จะร้าย

เคล็ดลับ เลือกน้ำยาล้างคอนแทคเลนส์

อย่างที่เราทราบกันดีนะคะว่าปัจจุบันนี้ น้ำยาล้างคอนแทคเลนส์มีหลากหลายชนิด แต่ละชนิดก็มีข้อดีข้อเสียต่างกัน ดังนั้นการเลือกใช้น้ำยาล้างชนิดใดก็ควรเลือกด้วยความระมัดระวังและเลือกให้เหมาะกับลักษณะการใช้งาน ...
>>> เลือกใช้แบบล้าง แช่ และกำจัดคราบโปรตีนในขวดเดียวน้ำ ยาในรูปแบบนี้ไม่ค่อยมีปัญหาเวลาเข้าตา สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ดีพอสมควร ปัญหาที่เกิดมักเกิดจากการที่น้ำยาประเภทนี้ล้างทำคราบโปรตีนติดแน่นได้ไม่ค่อยดีนัก ปัจจุบันมักมีการโฆษณาว่าน้ำยาประเภทนี้ไม่ต้องถูเลนส์ก็ล้างได้ดี ในความเป็นจริงแล้วการถูเลนส์ยังเป็นสิ่งจำเป็นอยู่ เพื่อให้น้ำยาประเภทนี้ใช้งานได้ดี ปัญหาอีกประการ คือ น้ำยานี้โดยมากจะเหลือคราบสกปรกไว้ ซึ่งนั่นอาจจะทำให้ผู้ใช้เกิดการแพ้สารกันเชื้อโรคในน้ำยานั้น น้ำยาประเภทนี้ใช้ได้ดีที่สุดกับคอนแทคประเภทใส่แล้วทิ้ง >>> เลือกใช้แบบล้าง แช่ และกำจัดคราบโปรตีนแยกขวดกัน พวกนี้ส่วนมากจะล้างได้ดีกว่า สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ดีถึงดีมาก มักมียาเม็ดที่ให้แช่ไว้สำหรับล้างคราบโปรตีนทุกๆ เดือน ปกติแล้วน้ำยาชนิดนี้ใช้ได้ดีกับเลนส์ที่ใส่ประจำ เพราะล้างคราบโปรตีนได้ดี ข้อเสียคือ อาจมีอาการแพ้จากสารประกอบในน้ำยาได้ไม่ค่อยสะดวก แล้วถ้าล้างน้ำยาล้างออกไม่หมดก็จะทำให้ตาเจ็บ ตาแดง และอาจต้องไปพบแพทย์อีกด้วย
>>> เลือกใช้แบบ Hydrogen Peroxide กลุ่มน้ำยาในรูปแบบนี้มักแยกเป็น 2 ขวด ขวดแรกเป็นล้างเลนส์ก่อนฆ่าเชื้อ ขวดที่สองใช้ใส่ในขวดพิเศษพร้อมกับเลนส์ ส่วนมากอันนี้ต้องแช่ไว้ค้างคืน น้ำยาประเภทนี้ฆ่าเชื้อได้ดีมาก ใช้ได้กับคอนแทคเลนส์เกือบทุกชนิด แต่ไม่ค่อยสะดวกเพราะใช้เวลานานในขั้นตอนต่างๆ และเมื่อแช่เลนส์แล้วเอามาใช้ทันทีไม่ได้ จำเป็นต้องแช่ให้ครบกำหนดเวลา ถ้านำเลนส์ออกมาใส่ก่อนครบกำหนดเวลาก็อาจทำให้ตาเจ็บ ตาแดง ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที

**จำไว้ให้ขึ้นใจว่าควรให้ความสำคัญกับการเลือกน้ำยาล้างคอนเทคเลนส์ ให้เหมาะกับลักษณะการใช้งานคอนเทคเลนส์ของเราด้วย เพื่อที่ดวงตาของเราจะได้สวยใสและปลอดภัยยังไงล่ะ **

เคล็ดลับ ผัดผักให้เขียวน่าทาน

คุณพ่อบ้านแม่บ้าน หรือ เพื่อน ๆ หลาย ๆ คนอาจจะทำกับข้าวทานเองที่บ้านและอาหารยอดฮิตและทำสุดแสนจะง่ายแสนง่ายอีกอย่างนั่นก้คือ "ผัดผัก"แต่หลายต่อหลายครั้งที่ผัดออกมาแล้วผักเละหรือไม่ก็สีช้ำดูไม่น่ารับประทาน แต่วันนี้มีเคล็ดลับดี ๆ ในการผัดผักอย่างไรให้มีสีสวนน่ารับประทาน มาบอก คุณพ่อบ้านแม่บ้าน และเพื่อน ๆ กัน
การผัดผักให้ผักยังดูเขียวสดทำได้หลายวิธี ล้างผักให้สะอาดก่อน นำผักไปต้มในน้ำเดือด ประมาณ 1 นาที แล้วตักขึ้น แช่ในน้ำเย็นทันที ผักก็จะดูเขียวสด แล้วจึงนำไปผัดอีกวิธี คือการตั้งกระทะใส่น้ำมันเปิดเตาแก๊สให้ไฟแรง พอน้ำมันร้อนจึงนำผักลงไปผัด ผักจะดูเขียวสดน่ารัปทาน ที่นี้รู้กันแล้วใช่ไหมว่า วิธิผัดผักให้มีสีเขียวน่ารับประทานนั้น ไม่ยากกันเลยใช่ไหม ยังไงก็อย่าลืมเอาไปลองทำกันดูนะจ๊ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะเอาเคล็ดลับดี ๆ มาฝากเพื่อนอีก

วันพฤหัสบดีที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2553

วิธีลดความเคลียด

เชื่อว่าทุกคนมีความเครียดอยู่ในตัว แต่มันจะต่างกันตรงที่ว่า มีมากหรือมีน้อยเท่านั้นเอง แต่ไม่ว่าเราจะมีความเครียดมากหรือน้อย มันก็ยังมีผลต่อสุขภาพของเราอยู่ดี ที่ดิฉันเล่าถึงความเครียดในวันนี้ก็เพราะว่าดิฉันเองก็กำลังเครียดอยู่เหมือนกัน ดิฉันก็เลยค้นหาวิธีลดความเครียด เพื่อที่จะลดความเครียดของตัวเอง
และอยากจะให้คนที่เครียดเหมือนกับดีฉันตอนนี้ได้ลดความเครียดด้วย ลองมาดูวิธีลดความเครียดกันเลยดีกว่าค่ะ
1. กำมือและเกร็งแขนแล้วผ่อนคลายกล้ามเนื้อ โดยค่อย ๆ คลายมือและกล้ามเนื้อแขนสลับทีละข้ามทั้งซ้ายและขวา
2. เกร็งและผ่อนคลายกล้ามเนื้อหน้าผาก โดยเลิกคิ้วแล้วคลายหรือขมวดคิ้วและคลาย
3. เกร็งและผ่อนคลาย ตา แก้ม จมูล โดยหลับตาแน่น ย่นจมูกแล้วคลาย
4. เกร็งและผ่อนคลาย ขากรรไกร ลิ้น ริมฝีปาก โดยกัดฟันใช้ลิ้นดันเพดานปากแล้วคลาย หรือเม้มปากแน่นแล้วคลาย
5. เกร็งและผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณคอ โดยก้มหน้าให้คางจดคอแล้วคลาย เงยหน้าจนสุดแล้วคลาย
6. เกร็งและผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณหน้าอก ไหล่ และหลังโดยหายใจเข้าลึก ๆ กลั้นไว้แล้วคลายหรือยกไหล่สูง แล้วคลาย
7. เกร็งและผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้องและก้น โดยแขม่วท้องแล้วคลาย หรือขมิบก้นแล้วคลาย
8. เกร็งและผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณเท้าและขาขวา โดยเหยียดขา งอนิ้ว แล้วคลาย หรือเหยียดขากระดกปลายเท้าแล้วคลาย
9. เกร็งและผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณเท้าและขาซ้าย โดยเหยียดขา งอนิ้ว แล้วคลายหรือเหยียดขากระดกปลายเท้าแล้วคลาย
****อ่านแล้วก็อย่าลืมนำไปปฏิบัตินะคะจะได้ช่วยลดความเครียดลงบ้างเพื่อสุขภาพของตัวเอง*****